วันพุธที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2560

รอเปลียนสายพานหน้าเครื่อง

       จากที่ต้องแก้ปัญหาคอมเพรสเซอร์แอร์เสีย ดูสายพานหน้าเครื่องแล้วก็เยินไม่แพ้กัน แตกลายงาซะแล้ว วันนี้ฝนตก เลยถือโอกาสจอดรถทั้งสองคันไว้บ้าน นั่งรถเมล์ดูสักครา ไปย่านวัดโสมมนัสซื้อสายพานหน้าเครื่องมาลองเปลี่ยนเอง  ได้ยี่ห้อนี้มา... Continental





 

        ราคาคนขายบอก 400 [km ขอลดได้ 20 บาท คงเหลือ 380 บาท  เดี๋ยวพรุ่งนี้ขอถือโอกาสเปลี่ยนเองสักครั้งหนึ่ง

        จากภาพข้างบนซ้ายเป็นลักษณะการคล้องสายพานของ W124 E220 เครื่อง M111  ขณะเปลี่ยนไม่ต้อถอดพัดลมหม้อน้ำ คลายน๊อตล็อครอกสำหรับตรึงสายพานหน้าเครื่องแล้วเปลี่ยนเส้นใหม่ได้เลย



วันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2560

แก้ได้แล้วอาการเครื่องสั่น เดินไม่เต็มสูบ

        ศุกร์ที่แล้ว 29 กันยายน 2560 ออกจากดอนเมืองเช้ามืด เป้าหมายคือไปรับเจ้า W124 E220 ที่จอดมาสี่ปีมาซ่อมบำรุง อาการที่เป็นอยู่คือเครื่องสั่น เร่งไม่ขึ้น เกียร์ไม่เปลี่ยน น้ำมันสักอย่างรั่วใต้ท้อง แอร์ไม่เย็น และวิ่งได้ไมาเกิน 80 KPH  เดือนที่ผ่านมาแบตเตอรี่หมดซื้อใหม่ เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ ก็เลยจำเป็นต้องรับมาดูแล

        ถึงบ้าน 10.00 น. กราบพ่อแม่แล้วนั่งที่บ้านครึ่งชั่วโมงต้องรีบขับมากรุงเทพ กะว่าถ้าเกิดปัญหาอะไรก็จะเหมารถสไลด์บรรทุกมาให้ถึงกรุงเทพ เดชะบุญยังมีขับมาได้ด้วยความเร็ว 80-120 KPH ใช้เวลาไป 10 ชั่วโมงเต็ม

       วันนี้ก็เลยขับไปวิทยาลัยที่เรียนวิชา ช่างยนต์แก๊สโซลีนอยู่ ไปตั้งแต่ตีห้า เพราะกลัวว่าจะไปดับกีดขวางการจราจรวันจันทร์อันจอแจ ถึงโรงเรียนโดยไม่งอแง แต่พอจะถอยเข้าจอดเท่านั้นแหละ ดับแล้วดับอีกจนอายผู้คน  เก้าโมงอาจารย์มาถึงก็เลยหาสาเหตุว่าทำไมเครื่องสั่น เดินไม่เต็มสูบ ไม่มีกำลัง ปัญหาก้อตกมาอยู่ที่สายหัวเทียนสูบที่สี่ ดับสนิท ไม่มีไฟมาเลี้ยงหัวเทียน ไม่มีการจัดระเบิดเกิดขึ้น  เท่านั้นแหละรายจ่ายก็เริ่มเกิด เดินตากฝนมานั่งรถเมล์ไปย่านวัดโสมมนัสวรวิหารแหล่วงรวมอะไหล่เบนซ์ เพื่อซื้อสายหัวเทียน (Ignition Cables) เขาขายยกชุด 4 เส้น  ได้ยี่ห้อนี้มา


         ไปร้านแรกคนขายบอก 1,700 บาท ขาดตัว  เลยทำใจร่ม ๆ เดินไปหาตู้ ATM ถอนตังค์ก่อน  มาถามอีกร้านยี่ห้อเดียวกันบอกราคา 1,500 บาท ขอต่อราคาเขาลดให้ 1,450 บาท  ร้านห่างกัน 50 เมตร ราคาต่างกัน 250  บาท  กลับมาแล้วเปลี่ยน อาการที่เป็นมาตลอดสามปีหายเป็นปลิดทิ้ง  สี่ปีก่อน Overhaul ไป 80,000 บาท เขาไม่เปลี่ยนให้หรือนี่   ายเดิมคงจะเปื่อยยุ่ยแล้ว  สำหรับสายหัสเทียนจะมีค่าความต้านทานที่ผลิตจากโรงงานประมาณ 2k Ohm ลองวัดความต้านทานสายที่เปลี่ยนออกมีความต้านทานเพิ่มขึ้นถึง 200-400 k Ohm  แม่เจ้ามันคงร้อนน่าดู แต่ที่ไม่สามัคคีกันก่อประกายไฟ   



        เปลี่ยนสายใหม่ไปสี่เส้น ก็เลยถือโอกาสเปลี่ยนหัวเทียนใหม่ไปพร้อมกัน

        เปลี่ยนแล้วก็โล่งไป  ได้ทดสอบว่าอาการแบบนี้ต้องทำอย่างไรบ้าง

        ปัญหาต่อไปก็คือ Air Compressor..... คงเรื่องยาวอีก  ตอนนี้ก็ขับรถรถร้อนแข่งรถเมล์ร้อนไปก่อน  จนกว่าจะหาอะไหล่เจอ

วันจันทร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

เตรียมอะไหล่... กลับไปกู้ชีพรถแสนรัก

       คราวที่แล้วเขียนว่าว่าง ๆ หลังจากเรียนช่างยนต์ไปสี่คอร์ส สองโรงเรียน จบโดยไม่เอาใบประกาศทั้งสองที่ เนื่องจากภาระงานนั่นแหละ แม้จะเข้าเรียนไม่ครบแต่ตำหรับตำราหามาเป็นหอบ วิชาละอย่างน้อย 2 ชื่อเรื่อง ทบทวนจาก YouTube ถามท่านผู้รู้ตอนนี้ก็เลยเริ่มสะสมเครื่องมือและอะไหล่ไปลงมือกู้ชีพเอง  วันนี้ว่างจากเรียนช่างยนต์เลยกลับถิ่นเก่า คือ โรงพยาบาลกลาง นั่นคือคลองถม และวรจักร  คว้าอะไหล่มาดังภาพ


        จากภาพเป็นอะไหล่ 3 ตัวที่จะต้องไปเปลี่ยนใหม่
        อันแรกคือกรองน้ำมันเกียร์ ปะเก็นขอบอ่างน้ำมันเกียร์ เรื่องของเรื่องก็คือ หลัง Overhaul ไปได้สามเดือน เริ่มมีน้ำมันเครื่องหยดลงได้ท้องรถ มุดเข้าไปดูนึกว่าเป็นน้ำมันเครื่องรั่วตามประสาคนที่เป็นแต่ขับไม่ทราบรายละเอียดเครื่องยนต์ ตรวจ Dip stick เห็นน้ำมันเครื่องอยู่ในระดับปกติก็ขับต่อใช้งานบ้างบางโอกาส น้ำมันก็รั่วมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเริ่มพบปัญหาคือ เกียร์วิ่งได้เพียงเกียร์สาม  ที่สำคัญเครื่องสั่นเหมือนเดินไม่เต็ม 4 สูบ  ด้วยภาวะทางเศรษฐกิจ และมีรถเล็กใช้งานอยู่เลยจอดสนืทมาครบ 4 ปี แล้ว  แต่เครื่องยังสตาร์ทติดดี สักพักใหญ่ ๆ ก็เริ่มสั่น  มานึกได้ตอนมาเรียนช่างยนต์ทั้งในวิชาเครื่องยนต์ดีเซล เครื่องล่างรถยนต์ และเครื่องยนต์แก๊สโซลีนหัวฉีดจึงถึงบางอ้อว่า... น้ำมันที่หยดลงมาน่ะคือน้ำมันเกียร์... เพราะมันไหลต่อเนื่อง เปลี่ยนเกียร์ไม่ได้ และไม่เคยตรวจระดับน้ำมันเกียร์เลย เพราะไม่ทราบจริง ๆ ว่า Dip stick น้ำมันเกียร์มันอยู่ตรงไหน ... นี่เป็นความโง่ล้วน ๆ ไม่มีอย่างอื่นปน 5555... (หรือว่าความเร็วไม่ถึงจึงไม่เปลี่ยน เพราะสักพักเครื่องสั่น) ...เป็นไปได้ร้อยแปดปัญหาเลย  ดังนั้นจึงจะลองเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ ตรวจสอบการรั่ว อีกอย่างของเดิมมันอายุ 3 4 ปีแล้ว

        อันที่สองก็คือกรองน้ำมันเครื่อง แม้ว่าระดับมันปกติดี แต่อายุ 4 ปี ต้องเปลี่ยน (ทำไปได้ สี่ปีไม่เปลี่ยน ก็มันไม่ได้ใช้นี่นา)

        อันที่สามก็คือหัวเทียน ของที่ถูกที่สุดแต่สำคัญที่สุดเช่นกัน เปลี่ยนครับได้เวลา

        อันสุดท้ายที่กำลังหาข้อมูลคือ Tool Scan OBDI เครื่องยนต์ตอนนี้ใช้ OBDII กันแล้ว จะจัดหาพร้อมสายที่ Convert สัญญาณได้  จะจัดก่อนกลับแน่นอน

วันพฤหัสบดีที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

โครงการกู้ชีพ W124 E220

        หลังจากรับโอนมาเป็นกรรมสิทธิ์แล้ว รถแสนรักก็ยังจอดติดต่อกันมาเป็นปีที่ 5 ผ่านการซ่อมใหญ่มา 1 ครั้ง นั่นคือ การ Overhaul หลังจากทำมาหมดเงินไปเกือบ 90,000 บาท มีน้ำมันรั่วใต้ท้อง เครื่องสั่น หมดงบบูรณะจำเป็นต้องจอด เข็ดไปอีกนาน

        เพื่อจะแก้ปัญหาที่เริ่มต้นไว้เบื้องต้น เลยต้องหาทางแก้ปัญหา นั่นก็คือลงมือซ่อมเองซะเลย  ลงทุนไปเรียนช่างยนต์ซะทีเดียว 3 วิชา หลักสูตร 200 ชั่วโมง  นั่นคือหลักสูตร
            * เครื่องยนต์ดีเซล
            * เครื่องล่างรถยนต์
            * เครื่องยนต์แก๊สโซลีนหัวฉีด
        โดยได้ศึกษาที่ โรงเรียนฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร (หนองจอก)

        เท่านั้นยังไม่พอสมัครเรียนอีก 2 วิชา คือ งานไฟฟ้ารถยนต์ และงานเครื่องยนต์แก๊สโซลีน  แถมอีกวิชาหนึ่งที่ไม่เกี่ยวกับช่างยนต์ คือกีตาร์คลาสสิก

       ทั้งหมดเป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพื่อกู้ชีพรถแสนรักที่ซื้อจากน้ำพักน้ำแรง  ตอนนี้ก็กำลังซื้ออะไหล่ และเครื่องมือที่จำเป็นสะสมไว้  คาดว่าโครงการรี้จะลงมือทำปลายเดือนสิงหาคม 2560 นี้แน่นอน

วันอังคารที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2560

Welcome back BeBenz !

        หายไปสามปีกว่าที่ไม่ได้โพสต์อะไรเลย จนวันนี้จ่ายค่างวดสุดท้ายไปแล้ว กำลังจะทำเรื่องโอน
สี่ปีเต็มเอารถมาจอดไม่ถึงปีก้อทำ Over Hall ได้ไม่กี่เดือนน่าจะวิ่งสามสูบ เวรกรรม จะเก็บตั้งค์ที่ไหน
มาซ่อมล่ะนี่ คราวที่แล้วโดนซะแปดหมื่น ช่างก้อมีแต่ราคาคุย

       เอาหละอย่างน้อยมันก็ยังวิ่งได้ล่ะนะ  โอนก่อนค่อยว่ากัน